คาสิโนออนไลน์

คาสิโนออนไลน์
คาสิโนออนไลน์

Sunday, June 30, 2019

โซดาล้างหน้า รักษาสิวหายเกลี้ยง รูขุมขนกระชับ

โซดาล้างหน้า รักษาสิวหายเกลี้ยง รูขุมขนกระชับ 

การที่หลายคนเอา "โซดา" มา ล้างหน้า กันนั่น เพราะโซดามีประโยชน์ช่วยในการกระชับรู้ขุมขน ซึ่งในน้ำโซดาจะมีสารคาร์บอเนต ที่เป็นอนุพันธ์ๆ เหล่านี้เข้าไปอยู่ในรูขุมขนเล็กๆ ของเราได้ง่ายกว่าน้ำธรรมดา จึงทำให้สามารถชำระล้างสิ่งสกปรกออจากรูขุมขนได้ดีมาก บาคาร่า และพอรูขุมขนสะอาดแล้วก็จะทำให้รู้ขุมขนกระชับได้ด้วย และสิวไม่เกิด หน้าใสไร้สิว และอีกอย่างน้ำโซดายังช่วยในการควบคุมความมัน และกระตุ้นคอลลาเจนไพเบอร์ที่อยู่ใต้ผิวหนัง ให้กระชับไม่หย่อนคล้อย



หลักการทำงาน

เมื่อหน้าของเราแช่อยู่ในน้ำโซดาแล้วนั้น ฟอนอากาศเล็กๆที่เราเห็นในน้ำโซดาจะนำพาออกซิเจนเข้าไปซอนซอนกำจัดสิ่งสกปรกในรูขุมขนของเราออกมา และฟอกน้ำเล็กๆเหล่านั้นยังช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดบริเวณใบหน้าของเราอีกด้วย

ขั้นตอนทำความสะอาดผิวหน้าด้วยน้ำโซดา

สำหรับคนที่มีผิวแห้ง,ผิวธรรมดา 

ให้นำน้ำโซาดาชนิดน้ำแร่เทลงในชามที่ขนาดพอดีกับหน้า จากนั้นนำโซดาแบบธรรมดามาผสม แล้วจุ่มหน้าลงไปในชาม แช่ไว้ประมาณ10-20วินาที วิธีนี้ทำแค่สัปดาห์ละครั้งเท่านั้น



สำหรับคนหน้ามัน,ผิวมัน 

สูตรนี้ให้ใช้เฉพาะโซดาชนิดน้ำแร่ เทลงในชามที่พอดีกับหน้า แล้วจุ่มหน้าลง แช่ไว้ประมาณ 10-20 วินาทีเช่นกัน ทำสัปดาห์ละ 3 ครั้ง จะช่วยลดความมันบนใบหน้าในระยะยาวและ เพื่อให้แร่ธาตุช่วยปรับสมดุลของต่อมไขมันบนใบหน้าในเข้าที่อีกด้วย

 ข้อควรระวัง!

ถ้าอยากให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แนะนำให้ทำหลังจากที่ล้างเครื่องสำอางออกให้หมดก่อน ในการใช้โซดาแช่หน้านั้น ไม่ควรจะแช่นานจนเกินไป เพราะจะทำให้ผิวเราแห้งได้ และถ้าหากใครที่ทำแล้วเกิดการระคายเคือง, มีผดผื่นคัน ควรหยุดทำ เพราะคนเราผิวบางไม่เหมือนกัน ให้รีบไปพบแพทย์ด่วน ส่วนผิวใครที่แพ้อะไรง่าย แนะนำไม่ควรทำหรือหากอย่าทำควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนนะ ด้วยความปราถนาดีจากนายข้าวต้ม หากบทความนี้เห็นว่าเป็นประโยชน์ กรุณาแชร์ต่อเพื่อให้เกิดประโยชน์กับคนอื่นด้วย

ขอขอบคุณแหล่งที่มา www.blogger.com












Friday, June 28, 2019

การดูแลผิวหมองคล้ำให้ขาวใสด้วยการขัดผิวอย่างถูกวิธี

การดูแลผิวหมองคล้ำให้ขาวใสด้วยการขัดผิวอย่างถูกวิธี

การดูแลผิว มลภาวะและฝุ่นควัน รวมไปถึงความร้อนที่นับวันจะรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมทำร้ายผิวให้คล้ำเสียได้อย่างง่ายดาย การดูแลผิวจึงต้องกำจัดเอาสิ่งสกปรกและ สารพิษ ที่แทรกตัวอยู่ภายในชั้นผิวที่ลึกกว่าให้หลุดออกไป บาคาร่า เพื่อให้ผิวส่วนดังกล่าวสะอาดเกลี้ยงเกลามากยิ่งขึ้น

การขัดผิวจึงเป็นหนึ่งในทางเลือกที่น่าสนใจ มีขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยาก สาวๆ จึงสามารถดูแลตัวเองได้จากที่บ้าน ดังนั้นใครที่อยากให้ผิวสวยสมบูรณ์แบบแม้ในสภาพอากาศที่โหดร้ายเช่นนี้ ลองมาดูวิธีขัดผิวที่ถูกต้อง จะได้ช่วยเปลี่ยนผิวเสียให้สวยเนียน พร้อมเติมเต็มความอ่อนเยาว์ให้กลับคืนมาอีกครั้ง ซึ่งจะมีเทคนิคในการขัดผิวอย่างไรบ้าง ตามไปดูกันเลย


ประโยชน์ของการขัดผิว
สำหรับประโยชน์ของการขัดผิวก็เพื่อช่วยปรับให้สีผิวดูเรียบเนียนสม่ำเสมอมากขึ้น ด้วยการกำจัดเอาเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วให้หลุดลอกออกไป เพราะโดยปกติแล้ว การทำความสะอาดด้วยสบู่แต่เพียงอย่างเดียวไม่สามารถผลัดเซลล์ที่เสื่อมสภาพแล้วให้หลุดออกไปได้นั่นเอง

นอกจากนี้ ยังช่วยลดการสะสมสิ่งสกปรกบนผิวหนังจนทำให้รูขุมขนเกิดการอุดตัน จนกลายเป็นต้นตอของปัญหาผิวพรรณที่หมองคล้ำ อีกทั้งสาวๆ ที่มีผิวแห้งกร้าน การขัดผิวยังช่วยกระตุ้นระบบหมุนเวียนเลือดและน้ำเหลือง ทำให้ผิวชุ่มชื้น กับเก็บน้ำได้ดี ส่วนคนที่มีผิวมัน การขัดผิวก็จะช่วยปรับสภาพให้ผิวลดการสร้างน้ำมันจากต่อมไขมันที่มากเกินไป ถือเป็นการช่วยปรับสมดุลไปในตัวอย่างได้ผล



ขั้นตอนการขัดผิวอย่างถูกวิธี
สิ่งที่สาวๆ ต้องเตรียมก่อนเริ่มต้นขัดผิว มีเพียงสองอย่างเท่านั้น นั่นก็คือ อุปกรณ์สำหรับขัดผิว และส่วนผสมที่ใช้สำหรับขัด สำหรับอุปกรณ์ที่เลือกใช้จะมีหรือไม่มีก็ได้ แต่หากจำเป็น ก็ควรเลือกเป็นแบบธรรมชาติ มีความอ่อนโยน นุ่มนวลต่อผิว เช่น ฟองน้ำหรือใยบวบ

สำหรับส่วนผสมหรือวัตถุดิบที่ใช้ในการทำความสะอาด มีหลากหลายประเภทให้เลือก ซึ่งสามารถคัดสรรวัตถุดิบจากธรรมชาติ มาใช้ร่วมกันได้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้กากกาแฟขัดผิว, น้ำผึ้งผสมน้ำตาลทรายแดง, ว่านหางจระเข้, นมสด, โยเกิร์ต, ถั่วเขียวบดละเอียด เป็นต้น โดยทั้งหมดนี้จะมีสารอาหารสำคัญสำหรับผิว สามารถซึมซาบเข้าสู่รูขุมขนได้ดีในขณะทำการขัด ช่วยให้ผิวได้รับการดูแลตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้

วิธีการขัดผิวจะต้องเริ่มจากทำความสะอาดผิวกายก่อนในเบื้องต้น เพื่อกำจัดสิ่งสกปรกบางส่วนให้หลุดลอกออกไป จากนั้นจึงนำส่วนผสมที่เตรียมไว้ มาถูวนเบาๆ ไปทีละจุดจนทั่วผิวกาย เน้นบริเวณผิวที่มีความหมองคล้ำ และหยาบกร้านเป็นพิเศษ จากนั้นให้ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที แล้วล้างออก ตามด้วยการอาบน้ำทำความสะอาดผิวตามปกติ

เห็นประโยชน์และวิธีขัดผิวให้ถูกต้องกันแบบนี้แล้ว สาวๆ ก็ลองนำไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับสภาพผิวของตัวเอง ด้วยการดูแลเพียงสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง รับรองได้เลยว่า ปัญหาผิวหมองคล้ำ หรือผิวหยาบกร้านก็จะหมดไปได้อย่างแน่นอน

ขอขอบคุณแหล่งที่มา  www.blogger.com

Thursday, June 27, 2019

5 วิธีดูแลผิวให้สวยสดใส สาวๆ ทุกคนทำได้ ง่ายนิดเดียว

5 วิธีดูแลผิวให้สวยสดใส สาวๆ ทุกคนทำได้ ง่ายนิดเดียว

ผิวพรรณเปล่งปลั่ง สวยใส ดูมีออร่า ย่อมเป็นที่ต้องการของสาวๆ ทุกคน แต่การที่จะทำให้ไปถึงจุดนั้นได้ ก็ต้องประกอบไปด้วยขั้นตอนในการ ดูแลผิว หลายอย่าง ทั้งนี้เราจะต้องมีความสม่ำเสมอและทำต่อเนื่องแบบยาวนานพอสมควรจึงจะช่วยเสริมให้เรามีผิวสวยใสได้อย่างใจต้องการ บาคาร่า และวันนี้เราก็มีวิธีดูแลผิวให้สวยมาฝาก อยากรู้รึยังคะว่าเป็นยังไง ตามไปดูกันเลย



1.สครับผิวเพื่อเผยผิวใหม่

เป็นการขจัดเซลล์ที่ตายแล้วให้ออกไปจากผิวของเรา โดยการใช้สครับที่เหมาะกับสภาพผิวอาจเลือกใช้สครับสำเร็จรูปแบบที่ขายทั่วไป แต่ต้องดูว่ามีมาตรฐานรับรองหรือไม่ด้วย หรืออาจใช้ใยบวบขัดเบาๆ ขณะอาบน้ำก็ได้ หรือจะใช้จากวัตถุดิบจากธรรมชาติ เช่น มะขามเปียก หรือมะนาวผสมกับเกลือทะเลก็ได้ ขึ้นอยู่ตามความชอบและตามความสะดวก โดยทำสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ก็จะช่วยเผยผิวใหม่ที่กระจ่างใสยิ่งขึ้น

2.ใช้ครีมบำรุงผิวเป็นประจำ

หากเป็นผิวกายก็ควรจะต้องบำรุงอย่างต่อเนื่องจึงจะเรียบเนียนเห็นผลแบบผิวหน้า โดยควรทาหลังอาบน้ำเช้าและก่อนนอน นี่คือวิธีที่จะช่วยรักษาความชุ่มชื้นให้แก่ผิวเป็นอย่างดี โดยเฉพาะสาวออฟฟิศ ที่นั่งตากแอร์อยู่ทั้งวัน ความเย็นจะทำให้ผิวเราแห้งง่าย แต่ไม่ว่าจะอยู่ในวัยไหน หากปล่อยนานไป ผิวจะแห้งเสียแน่นอน

3.ทาครีมกันแดดทุกวัน

ครีมกันแดดจะช่วยปกป้องผิวไม่ให้ไหม้ หรือคล้ำเสียจากแสงแดด สามารถช่วยป้องกันการเกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ ชะลอการเกิดรอยเหี่ยวย่นบนผิว แต่จะต้องเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF ที่เหมาะสมกับการใช้งานนอกบ้าน หากต้องตากแดดตอนเช้า ครีมกันแดดควรใช้แค่ SPF 10-15 ก็เพียงพอแล้ว แต่หากต้องอยู่กลางแดดจ้าควรจะต้องหาครีมที่มีค่า SPF 50 ขึ้นไปมาใช้ และควรทาซ้ำทุก 1-2 ชั่วโมงเพื่อให้การปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพแท้จริง

4.ออกกำลังกายสม่ำเสมอ

การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้การไหลเวียนเลือดทำงานดีไปทั่วร่างกาย ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งดูมีเลือดฝาด อีกทั้งยังเป็นการขับสารพิษ เพราะเมื่อมีการเสียเหงื่อมากๆ ร่างกายจะขับเอาสารพิษออกมาทางเหงื่อนั่นเอง

5.หลีกเลี่ยงการทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์

งดอาหารหมักดอง พวกน้ำอัดลม แอลกอฮอล์ เนื้อปิ้งย่างไหม้ๆ ขนมหวาน อาหารแปรรูป และอาหารกระป๋อง เพราะอาหารเหล่านี้นอกจากจะอ้วนแล้ว ยังทำลายคอลลาเจนในผิวหนังได้อีกด้วย โดยอาจทำให้เป็นสิว ผิวซีด ผิวพรรณแห้งเสียเกิดริ้วรอยง่าย และควรดื่มน้ำมากๆ ให้ได้อย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว ควบคู่กับการกินผักผลไม้เยอะๆ จะดีที่สุด เพื่อบำรุงผิวให้สวยสดใสจากภายใน

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับวิธีดูแลผิวให้สวยในแบบง่ายๆ สาวๆ คนไหนปรารถนาการมีผิวสวยก็อย่าลืมวิธีดูแลผิวกันตามนี้ รับรองผิวสาวจะสวยสดใสอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอน


ขอขอบคุณแหล่งที่มา  www.blogger.com


Friday, June 21, 2019

วิธีทําให้หน้าใส 3 สูตรเด็ด

วิธีทําให้หน้าใส ที่คุณเองก็ทำได้ เผย 3 สูตรเด็ด (ได้ผลดีเยี่ยม)

อย่ารอช้า มาดูกันเลย ทั้ง 3 สูตร



1. สูตร น้ำผึ้ง+น้ำมะนาว

เพียงคุณมี น้ำผึ้ง 1 ถ้วย และ น้ำมะนาว 1 ช้อนชา แค่นี้ก็ใช้ได้แล้ว

เพียงคุณผสมน้ำผึ้งกับน้ำมะนาวให้เข้ากัน หลังจากนั้นก็นำมานวดให้ทั่วใบหน้า ใช้เวลาประมาณ 15 นาที หลังจากนั้นล้างให้ออกด้วยน้ำสะอาด

สูตรนี้จะทำให้ผิวหน้าของคุณ บาคาร่า มีความนุ่ม ชุ่มชื้น นอกจากนี้แล้ว

สูตรนี้ยังสามารถช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออกไปได้เป็นอย่างดีอีกด้วย



2. สูตร น้ำผึ้ง+แอปเปิ้ล

น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ และเนื้อแอปเปิ้ล 1 ลูก สำหรับแอปเปิ้ลคุณต้องปลอกเปลือกออกก่อนนะครับ

และวิธีทำก็ง่ายๆ เพียงคุณนำแอปเปิ้ลกับน้ำผึ้งมาปั่นรวมกัน เสร็จแล้วให้คุณนำมาทาให้ทั่วใบหน้า พร้อมกับนวดเบาๆ ไปด้วย แล้วก็ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที หลังจากนั้นก็ค่อยล้างออกด้วยน้ำเย็น

สูตรนี้จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหน้าของคุณ ช่วยทำให้ผิวหน้าคุณดูสดใส และก็เปล่งปลั่งมากยิ่งกว่าเดิม



3. สูตร แตงกวา+ไข่ขาว+มะนาว

แตงกวาหั่นเป็นชิ้นบางๆ 1 ผล และ  ไข่ไก่ 1 ฟอง (แต่จะใช้เฉพาะไข่ขาวนะครับ) และ น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ

ให้คุณนำส่วนผสมทุกอย่าง นำมาปั่นรวมกันให้ละเอียด

หลังจากนั้นให้นำมาพอกหน้าให้ทั่ว ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที แล้วก็ให้คุณล้างออกให้สะอาด

สูตรนี้ จะเป็นการช่วยกระชับรูขุมขน ช่วยลดความมันบนใบหน้า และยังทำให้ผิวหน้าของคุณ ดูเรียบเนียนชุ่มชื่นได้อย่างดีเยี่ยม



ขอขอบคุณแหล่งที่มา  เคล็ดลับแห่งความสวย


Thursday, June 20, 2019

วิธีปลุกผิวให้กลับมาสวยฉ่ำ ผิวแห้ง กับ ผิวขาดน้ำ

วิธีปลุกผิวให้กลับมาสวยฉ่ำ

ผิวแห้ง กับ ผิวขาดน้ำ ฟังดูแล้วก็เหมือนจะเป็นเรื่องเดียวกัน แต่จริง ๆ แล้วสาเหตุของผิวทั้ง 2 อย่างนี้ต่างกันอย่างสิ้นเชิง แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่ามีปัญหาผิวแห้งหรือผิวขาดน้ำกันแน่

สาว ๆ หลายคนคงเคยประสบกับปัญหาผิวแห้งมาบ้างไม่มากก็น้อย ทั้งช่วงหน้าหนาวที่อากาศดูดเอาความชื้นจากร่างกายของเราไปจนผิวแห้งแตกลอก บาคาร่า หรือจะเป็นช่วงหลังอาบน้ำแล้วลืมทาครีมบำรุง ผิวก็แห้งไปจนบางทีเราถึงกับออกอาการคันผิว ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันผิวหน้าของสาว ๆ บางคนกลับดูมันเยิ้ม กระดาษซับมันนับ 10 แผ่นก็เอาไม่อยู่ แต่มาตอนนี้ทำไมถึงมีผิวหน้าที่แห้งได้ แล้วจะนิยามให้ตัวเองเป็นคนผิวแบบใดกันแน่ เวลาซื้อครีมบำรุงผิวก็เลือกไม่ถูก ว่าสรุปแล้วเราเป็นคนผิวแห้งหรือผิวมัน แต่จริง ๆ แล้วปัญหาผิวแห้งมีเบื้องหลังซ่อนลึกมากกว่านั้น วันนี้กระปุกดอทคอมจะช่วยสาว ๆ แก้ไขข้อข้องใจกันว่าที่เราเป็นอยู่ตอนนี้ คือ ผิวแห้งหรือผิวขาดน้ำกันแน่ แล้วอาการทั้ง 2 อย่าง แตกต่างกันมากไหม

ผิวแห้ง ผิวขาดน้ำ ต่างกันอย่างไร  

          ผิวแห้งกับผิวขาดน้ำแตกต่างกันตรงที่ ผิวแห้งคือลักษณะของผิวพรรณที่มีมาแต่กำเนิด เช่นเดียวกันกับคนที่มีผิวมันและผิวผสมนั่นเอง ส่วนผิวขาดน้ำเป็นอาการที่เกิดได้กับคนทุกประเภทผิว จะเป็นสาวผิวมันเยิ้ม หรือสาว ๆ ที่มีผิวผสมต่างก็เกิดอาการผิวขาดน้ำได้ทั้งสิ้น โดยปัญหาผิวแห้งและผิวขาดน้ำนั้นจะมีลักษณะของอาการและวิธีการรักษาที่แตกต่างกัน ดังนี้




ผิวแห้ง

          สำหรับคำว่าผิวแห้งนั้นอย่างที่ทราบกันไปแล้วว่าใช้กับประเภทของผิว การสังเกตว่าใครมีผิวแห้ง ให้ลดการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของน้ำมันหรือมอยส์เจอไรเซอร์ หากเป็นสาวผิวมันหรือผิวผสมเชื่อแน่ว่าจะต้องมีการผลิตน้ำมันออกมาเคลือบผิวชั้นบนจนทำให้หน้าดูฉ่ำวาว แต่สำหรับสาวผิวแห้งแล้วหากขาดการบำรุงไป รับรองได้ว่าผิวจะต้องแห้ง, ลอก, แดง จนเป็นขุยในที่สุด ซึ่งอาการผิวแห้งนี้ส่วนใหญ่แล้วเกิดจากกรรมพันธุ์เสียมากกว่า เราไม่สามารถใช้เทคโนโลยีใดเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการผิวแห้งได้เลย มีเพียงแค่การบำรุงไม่ให้ผิวแห้งหนักไปกว่าเดิมเท่านั้นเอง 

          สำหรับวิธีดูแลผิวสำหรับคนผิวแห้ง สาว ๆ ที่มีผิวแบบนี้ควรเลือกใช้สบู่หรือโฟมล้างหน้าซึ่งมีความอ่อนโยน ไม่มีส่วนผสมของสารที่ทำให้ผิวแห้งตึง ครีมบำรุงที่ใช้ก็ต้องมีความชุ่มชื้นมากพอ แม้แต่แป้งพัฟก็ต้องใช้แป้งพัฟสำหรับคนผิวแห้งโดยเฉพาะ ยิ่งเป็นเครื่องสำอางของโซนเกาหลีที่เน้นความฉ่ำก็จะยิ่งเหมาะมาก แต่ถ้าเกิดใช้แป้งพัฟเนื้อแมตต์คงได้เห็นริ้วรอยร่องลึกอย่างชัดเจนแน่นอน




ผิวขาดน้ำ

          อาการผิวขาดน้ำสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกสภาพผิว ต่อให้มีผิวมันเยิ้มแค่ไหนเมื่อถึงหน้าหนาวหรือนอนในที่อากาศเย็น ๆ ก็อาจประสบกับปัญหาผิวขาดน้ำได้อยู่ดี โดยอาการที่จะแสดงว่ามีปัญหาผิวขาดน้ำก็คือ ผิวแห้ง ลอกเป็นขุย เป็นต้น ทั้งนี้นอกจากอากาศเย็นจะทำให้เราขาดน้ำได้แล้ว การเผชิญหน้ากับแสงแดดโดยไม่ได้ทาครีมกันแดด เพื่อเป็นการปกป้องผิวก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ผิวขาดน้ำได้เช่นกัน เนื่องจากรังสียูวีในแสงแดดได้เข้าไปทำลายคอลลาเจน รวมทั้งยังดูดเอาความชื้นบนผิวของเราออกไป นั่นจึงทำให้ผิวขาดน้ำได้ แม้จะเป็นช่วงหน้าร้อนก็ตาม 

          ทางที่ดี วิธีดูแลผิวเพื่อป้องกันผิวขาดน้ำ สาว ๆ ควรดื่มน้ำให้เพียงพอ ประมาณ 8 แก้วต่อวัน พร้อมทั้้งอย่าลืมทาครีมกันแดด SPF ตั้งแต่ 15 ขึ้นไป และต้องมี Pa +++ ทุก ๆ 2 ชั่วโมง เท่านี้ก็หมดกังวลเรื่องผิวขาดน้ำไปได้เลย

          สังเกตได้ว่าอาการร่วมกันของทั้ง 2 ปัญหาผิวคือผิวจะดูแห้ง ลอกเป็นขุย ซึ่งมีปัจจัยหลักเรื่องความชุ่มชื้นในผิวไม่เพียงพอ ดังนั้นหากสาว ๆ คนไหนที่ไม่อยากมีริ้วรอยก่อนวัยอันเกิดจากอาการผิวแห้งและขาดน้ำ ก็ต้องเร่งบำรุงและเติมน้ำให้ผิวตลอดเวลา และต่อให้เป็นคนผิวมันแค่ไหนแต่ปัญหาผิวแห้งก็เกิดขึ้นได้เสมอหากดื่มน้ำไม่เพียงพอ และบำรุงผิวได้ไม่ดีเท่าที่ควร โดยปัญหาผิวพรรณคือสิ่งที่แก้ได้ยากมาก ดังนั้นต้องหาทางป้องกันเอาไว้ก่อนจะดีที่สุดนะคะ


ขอขอบคุณแหล่งที่มา 

Tuesday, June 18, 2019

วิธีการดูแลผิวผู้สูงอายุ วัย 50+ ก็ยังสวยใสปิ๊ง


วิธีการดูแลผิวผู้สูงอายุ วัย 50+ ก็ยังสวยใสปิ๊ง

การดูแลผิว ผู้สูงอายุ ให้สวยสดใส สมวัย ด้วยวิธีง่ายๆ
ดูแลผิวผู้สูงอายุ ค่อนข้างจากการ ดูแลผิว ของวัยสาวนะคะ เพราะหลังหมดประจําเดือน ผิวพรรณจะแย่ลง ดูแลยากกว่าเดิม นอกจากริ้วรอยต่างๆ ฝ้า กระ จุดด่างดํา ก็เกิดขึ้นง่ายมาก ดังนั้น จึงต้องมีการดูแลที่แตกต่างไป

คงมีผู้อ่านหลายท่านสงสัยว่า บาคาร่า ทําไมหลังหมดประจําเดือน ผิวพรรณจึงแย่ลง ดูแลยากกว่าเดิม วันนี้ เรามี พญ.สาริษฐา สมทรัพย์ กุมารแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและความงามระดับInterUniversityDiploma มาตอบข้อสงสัย พร้อมทั้งแนะนําวิธีกู้คืนผิวพรรณวัยสาวคืนกลับมา

ผู้หญิงหลังหมดประจําเดือน ฮอร์โมนเพศที่เรียกว่าเอสโทรเจนจะค่อยๆ ลดลง เนื่องจากรังไข่หยุดทํางาน ไม่สามารถสังเคราะห์ ฮอร์โมนเอสโทรเจนได้ โดยเฉพาะในผู้หญิงรูปร่างผอมจะมีอัตราการลดลงของฮอร์โมนเพศชนิดนี้ได้มากกว่าผู้หญิงที่มีรูปร่างอ้วน เนื่องจากเป็นฮอร์โมนที่สังเคราะห์จากไขมันนั่นเอง

และเมื่อฮอร์โมนเอสโทรเจนลดต่ําลงจนไม่สมดุลกับฮอร์โมนโปรเจสเทอโรน ส่งผลให้เกิดฝ้า กระ จุดด่างดําตามมา ซึ่งประกอบกับในช่วงอายุประมาณ 50 ปีขึ้นไป จะเกิดกระบวนการไกลเคชั่น(Glycation) คือเกิดพยาธิสภาพที่ส่งผลให้คอลลาเจนใต้ผิวหนังเสื่อมลง ความยืดหยุ่นผิวลดลง ผิวจึงเหี่ยวย่น

บางรายจะมีการสะสมของไลโปฟัสซิน(Lipofuscin) หรือ การสะสมของเสียจากเซลล์ที่ชั้นหนังแท้(Dermis) และชั้นหนังกําพร้า(Epidermis) เกิดเป็นลักษณะก้อนสีคล้ําขนาดเล็กนูนขึ้นมา หรือที่เราเรียกกันว่า จุดด่างดําจากวัยชรา INTEGRATEDHEALTH CARE



กินอาหารที่มีกรดไขมันโอเมก้า-3 6 และ 9 จะช่วยให้ผิวดีขึ้น

วิธีดูแล

1.รักษากับแพทย์แผนปัจจุบัน
โดยการกินฮอร์โมนทดแทนตามที่แพทย์สั่ง ซึ่งแพทย์จะวิเคราะห์เป็นรายบุคคล ประกอบกับพิจารณาความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งเต้านม มะเร็งรังไข่ และ มะเร็งปากมดลูก


2.กินอาหารที่มีไฟโตเอสโทรเจน(ฮอร์โมนจากธรรมชาติ)
พบมากในถั่วเหลือง โดยอาจจะกินอาหารที่มีส่วนประกอบของถั่วเหลือง เต้าหู้ หรือดื่มน้ําเต้าหู้ก็ได้

3.กินอาหารที่มีกรดไขมันโอเมก้า-3 6 และ 9
ที่มีคุณสมบัติ ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ลดการอักเสบ ฟื้นฟูสภาพผิว

4.กินอาหารที่มีแอนติออกซิแดนต์
เช่น ผลไม้ตระกูล เบอร์รี่และชาเขียว



5.ทาครีมบํารุงผิว
ที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์ ที่สําคัญคือ ต้องซึมง่าย

6.งดเหล้าและบุหรี่
เพราะเป็นปัจจัยให้ผิวเสื่อมสภาพได้เร็ว

7.พักผ่อนให้เพียงพอ
เพื่อให้ร่างกายได้ซ่อมแซมส่วนที่ สึกหรอ ประกอบกับการทําจิตใจให้เป็นสุข ไม่เครียด เพียงเท่านี้ก็จะช่วยต้านอายุให้ผิวพรรณได้เป็นสิบปี

เป็นสาว 50+ 60+ 70+ แบบสวยๆ ไม่ใช่เรื่องยาก แล้วติดตามกันต่อไปนะคะ


ขอขอบคุณแหล่งที่มา  goodlifeupdate.com



Monday, June 17, 2019

สาวผิวขาว อยากสวยด้วยผิวสีแทน

สาวผิวขาว อยากสวยด้วยผิวสีแทนเมื่อสาวผิวขาว อยากสวยด้วยผิวสีแทน (Hair)

           เสน่ห์ของผิวสีแทนนั้นอยู่ที่ความนวลเนียน คมเข้ม น่าลูบไล้และน่าสัมผัส ยามแสงแดดตกกระทบเรือนกาย

           คนเรานั้นต่างจิตต่างใจ บางคนอยากมีผิวขาวใสอย่างสาวเกาหลีหรือญี่ปุ่น แต่บางคนกลับอยากมีผิวสีแทนดูคมเข้มอย่างสาวยุโรป บอกได้คำเดียวว่าไม่มีใครถูกหรือผิด งานนี้ขึ้นอยู่กับรสนิยมล้วน ๆ

           เสน่ห์ของผิวสีแทนนั้นอยู่ที่ความนวลเนียนคมเข้ม น่าลูบไล้และน่าสัมผัสยามแสงแดดตกกระทบเรือนกาย ไม่ว่าจะในสระว่ายน้ำหรือบนหาดทราย บาคาร่า ขาวสะอาด ท่ามกลางเกลียวคลื่น ท้องทะเลสีคราม แว่นกันแดดอันโต ร่มชายหาด ที่มองยามใดก็ดูเต็มตื่นอยู่ทุกครั้ง

           สำหรับในประเทศไทยซึ่งมีแดดแรงกล้าตลอดทั้งปี ผิวสีแทนสำหรับสาวๆ คงเกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจและไม่ได้ป้องกันแสงแดด (แต่แสงแดดก็มีประโยชน์ต่อร่างกาย หากเราได้รับปริมาณแสงในปริมาณไม่มากนัก) แต่บางครั้งสาวผิวขาว ๆ ก็อยากมีผิวสีแทนกับเขาบ้างแล้วจะทำอย่างไรดีล่ะ?

           คนทางตะวันตกนิยมผิวสี Tan เนื่องจากแสดงถึงความสมบูรณ์ของร่างกาย ฐานะ บางคนก็ชอบที่จะอาบแดดหรือไม่ก็ใช้เครื่องมือช่วยเพื่อทำให้ผิวมีสี tan โดยที่ไม่ทราบว่าผลเสียที่เกิดจากแสงแดด หรือ แม้แต่กระทั่งจากหลอดไฟนั้นไม่ต่างกันเลย



ผิวสีแทน...ได้อย่างไร? 

           สีผิวของคนเรานั้นสามารถเปลี่ยนเป็นสีแทนได้จากหลายวิธี

            1. จากแสงแดด ซึ่งจะมีรังสีที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าคือ UVB และ UVA รังสี UVB จะทำให้เกิดผิวไหม้และเกิดผิวสีแทนได้ง่าย ส่วนรังสี UVA จะทำลายผิวหนังชั้นลึก และเชื่อว่ามีส่วนทำให้เกิดมะเร็งผิวหนัง Melanoma (อันตรายของแสงแดดจะเกิดหลังจากที่เราได้รับแสงในปริมาณมากและ เป็นระยะเวลานานติดต่อกัน)

            2. ไฟจากหลอดไฟ เนื่องจากหลอดไฟจะทำให้เกิดรังสี UVA ซึ่งเป็นผลทำให้เกิดผิวไหม้ ผิวสีแทน ผิวแก่ก่อนวัย เกิดรอยย่นที่ใบหน้า หรือแม้กระทั่งมะเร็งผิวหนังนั่นเอง

            3. สำหรับผู้ที่อยากมีผิวสีแทนบ้างในบางโอกาสแต่ก็ไม่อยากอาบแดด เพราะตระหนักถึงอันตรายของรังสีอัลตราไวโอเล็ต มีอีกทางเลือกหนึ่งคือ ใช้ผลิตภัณฑ์ย้อมผิวให้เป็นสีแทน ถ้าเป็นผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าจากต่างประเทศมักจะแสดงข้อความว่า Sunless Tanning หรือ Bronzers ซึ่งจะมีสารสำคัญคือ ไดไฮดรอกซีแอซีโทน (Hihydroxyacetone) สารนี้สามารถปรับให้ผิวเป็นสีแทนได้ ด้วยกลไกการทำปฏิกิริยากับโปรตีน ที่ผิวหนังชั้นนอก (ไม่เกี่ยวข้องกับการสร้างเม็ดสีเมลานิน) ซึ่งทำให้ผิวเปลี่ยน เป็นสีแทนเมื่อโดนแสงแดด โดยความเข้มของสีแทนนั้น จะขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของสารในผลิตภัณฑ์ฯและความถี่ในการใช้ แต่สีแทนนี้จะคงอยู่ เพียงชั่วคราวเท่านั้น และจะอ่อนจางลงตามวงจรของการหลุดลอกของเซลล์ผิวหนังชั้นนอก ที่สำคัญก็คือ สีแทนที่เกิดจากเครื่องสำอางประเภทนี้ แทบจะไม่มีผลในการป้องกันอันตรายจากรังสีอัลตราไวโอเล็ตเลย ดังนั้น หากใช้เครื่องสำอางประเภทนี้แล้ว ก่อนออกจากบ้านครั้งใด ก็อย่าลืมใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดด้วยอีกครั้งเป็นดีที่สุด

อาบแดด..เสี่ยงมะเร็งจริงหรือ? 

           ร.ศ.น.พ.วินเซนต์ เดอลีโล ภาควิชาจิตวิทยา โรงพยาบาลเซนต์ลุกซ์ นิวยอร์ก กล่าวว่า การเข้าซาลอนหรือสถานบำรุงสุขภาพ เพื่อทำให้ผิวเป็นสีแทนนั้นแม้เพียงแค่ 15-30 นาที ก็ไม่ปลอดภัย เพราะอาจเป็นการกระตุ้นทำให้เป็นมะเร็งผิวหนังเมลาโนมา และ ทำให้มะเร็งโตขึ้นได้ ที่ร้ายกว่านั้น แสงรังสีที่ทำให้ผิวเป็นสีแทนนั้นสามารถแผดเผาผิวหนัง ตา และเปลี่ยนแปลงระบบภูมิต้านทาน (ติดโรคง่าย, แพ้ง่าย) แล้วยังทำให้ผิวหนังแก่ก่อนวัย และทำให้เกิดมะเร็งผิวหนัง ชนิดที่ไม่ใช่เมลาโนมาได้อีกด้วย

คุณเข้าใจ ถูก หรือ ผิด ล่ะ 

           บางคนเข้าใจผิดว่า การเปลี่ยนสีผิวเป็นสีแทนได้เร็วๆ เป็นสิ่งที่ดีเพราะเมลานินจะช่วยปกป้องผิว แต่แท้ที่จริงแล้วเมลานินผิวสีแทน ปกป้องผิวไม่ให้ไหม้เกรียมได้ แต่ก็ไม่สามารถปกป้องการทะลุทะลวง ของรังสียูวีเข้าไปในเซลล์ผิว ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดอนุมูลอิสระ ผิวยังคงผลิตเคราตินเพื่อป้องกันตัวเองทำให้ผิวหนาขึ้น จึงทำให้ผิวดูแห้งกร้าน ทั้งเมลานินและเคราตินช่วยสร้างภูมิต่อต้านการ ออกซิเดชั่น จึงเป็นตัวเร่งอัตราการร่วงโรยของผิว แม้ว่าร่างกายจะมีระบบภูมิป้องกัน และกลไกการซ่อมแซมร่างกายที่แสนชาญฉลาดก็ตาม แต่เมื่อเซลล์ผิวโดยเฉพาะดีเอ็นเอถูกแสงแดดทำลาย เอ็นไซม์ จะถูกผลิตขึ้นมาเพื่อช่วยซ่อมแซมและกำจัดเซลล์ที่ผิดปกติออกไป แต่ถ้าตากแดดมากเกินไป จนกลไกการซ่อมแซมไม่สามารถทำหน้าที่ได้อย่างปกติ เพราะเซลล์และดีเอ็นเอถูกทำลายมากจนเกินความสามารถในการซ่อมแซม และการกำจัดออกจากร่างกาย จึงเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้ ดังนั้น การอาบแดดจึงควรอาบ อย่างระมัดระวัง ในเวลาและปริมาณอย่างค่อยเป็นค่อยไป



ผิวชนิดไหนที่มีสีแทนง่ายกว่ากัน 

           ผิวของคนเราสามารถตอบรับแสงแดดได้แตกต่างกันไป

            ผิวขาวมาก ๆ มีผมสีแดง และมีกระ ดวงตาสีอ่อน หากตากแดดนาน ๆ แทนที่จะมีผิวแทน ผิวอาจไหม้เกรียมไปก่อนเป็นสีแทนเสียด้วยซ้ำ

            ผิวขาว ผมบลอนด์ ดวงตาสีอ่อน ผิวอาจไหม้ได้เช่นเดียวกัน หาก ตากแดดเป็นเวลานานๆ ผิวก็จะเปลี่ยนเป็นสีแทนได้เล็กน้อย

            ผิวขาว ผมสีน้ำตาล ตาสีอ่อน ผิวสามารถที่จะเปลี่ยนเป็นสีแทนได้บ้าง

            ผิวเข้ม ผมสีน้ำตาล ตาสีน้ำตาล เมื่อตากแดด ผิวไม่ค่อยไหม้ แต่จะกลายเป็นสีแทนได้

            ผิวเข้มมาก ผมดำ ตาดำ ผิวเจะเปลี่ยนเป็นสีแทนได้เร็วกว่าผิวชนิดอื่น ๆ



วิธีอาบแดดให้ได้ผิวสีแทน 

            1. ก่อนการอาบแดดเพื่อเปลี่ยนสีผิว ควรทำให้ผิวเรียบเนียนก่อนการทาครีมเปลี่ยนสีผิว โดยการขัดผิวอย่างเบามือในขณะอาบน้ำ เพื่อขจัดเซลล์ผิวหนังที่เสื่อมสภาพแล้วให้หลุดลอกออกไป เพื่อให้ผิวสามารถดูดซึมครีมเปลี่ยนสีผิวได้อย่างสม่ำเสมอ แล้วชโลมมอยซ์เจอร์ไรเซอร์สำหรับผิวกายให้ทั่วเรือนร่าง โดยเฉพาะจุดหยาบกร้านต่างๆ เช่น ข้อศอก หัวเข่า ตาตุ่ม และเท้า เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ครีมเปลี่ยนสีผิว มารวมตัวกันเป็นริ้วอยู่บริเวณนี้ หลังจากนั้นประมาณ 15 นาที จึงทาครีมเปลี่ยนสีผิว นวดครีมเปลี่ยนสีผิวเบา ๆ ครีมเปลี่ยนสีผิวจะได้แทรกซึมเข้าสู่ผิวหนังในลักษณะเป็นวงกลม วิธีนี้จะช่วยให้คุณเกลี่ยครีมเปลี่ยนสีผิวได้อย่างสม่ำเสมอทั่วถึง ไม่ก่อให้เกิดปัญหาริ้วลายสีเข้มจางไม่เท่ากันบนผิวหลังการอาบแดด

            2. ไม่ควรนอนอาบแดดนานจนเกินไป และควรนอนอาบแดดในช่วงเช้าที่แดดอ่อน เพื่อผิวของคุณจะได้เป็นสีแทนสวยสมใจ ไม่มีฝ้า กระ หรือรอยแสบไหม้ให้กลุ้มกังวลใจ พร้อมเริงร่าท้าลมร้อนอวดผิวสวยสดใสได้อย่างมั่นใจ

การเตรียมตัวป้องกันแสงแดด

            1. สำหรับคนแพ้แดด ควรเตรียมแว่นกันแดด ผ้าโพกผม หมวก ร่ม ครีมกันแดด ลิปสติกกันแดด และถ้าไม่อยากให้ผิวดำ ให้เลือกทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF ระดับ 25, 25/30, 40 ทาทุก 6-14 ชม. ก่อนลงเล่นน้ำทะเล

            2. สำหรับคนสู้แดด เลือกชุดว่ายน้ำแบบทูพีช อาบแดด หรือใส่เสื้อผ้า แขนกุดเดินชายหาดจะได้ผิวสีแทน หรือถ้าไม่อยากเสี่ยงต่อการเป็นฝ้าให้เลือกทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF ระดับต่ำ ๆ 6/8, 2/3 (ค่า SPF จะมีกำกับอยู่บนฉลากข้างขวด)

ขอขอบคุณแหล่งที่มา  women.kapook.com

Sunday, June 16, 2019

วิธีดูแลผิวกาย ให้สวยสุขภาพดี ด้วยวิธีธรรมชาติ

วิธีดูแลผิวกาย ให้สวยสุขภาพดี ด้วยวิธีธรรมชาติ


ผิวสวยๆ ย่อมเป็นที่ปรารถนาของทุกๆ คน บาคาร่า โดยเฉพาะผู้หญิง ที่ต้องการมีผิวสุขภาพดี เนียนนุ่ม น่าสัมผัส

แต่เราจะมีผิวสวย สุขภาพดีได้อย่างไร ในเมื่อมลภาวะรอบตัว ล้วนแต่เป็นสิ่งที่คอยทำร้ายผิวสวยๆ ให้

เกิดความหมองคล้ำ และมีริ้วรอย

หากคุณต้องการมีผิวกายที่เนียนนุ่ม น่าสัมผัสในทุกๆ ส่วน แม้กระทั่งข้อศอก หรือหัวเข่า ที่มักจะหยาบ

กร้าน วันนี้ เรามีวิธีดูแลผิวกายแบบธรรมชาติ มาแนะนำกันค่ะ

การดูแลผิวไม่ใช่เรื่องยาก แต่ต้องอาศัยการดูแลอย่างสม่ำเสมอ

เคล็ดลับในการดูแลผิว วันนี้ เราจะเน้นการดูแลแบบธรรมชาติ

ซึ่งเหมาะกับหนุ่มๆ สาวๆ ที่มีผิวบอบบาง แพ้ง่าย

เพราะการใช้วัตถุดิบบำรุงผิว ที่ผลิตจากธรรมชาติ จะไม่ก่อให้เกิดสารระคายเคือง

จนกลายเป็นผื่นคัน แต่จะเป็นการนำเมล็ดพืชมาสกัดเป็นน้ำมัน

ซึ่งเมล็ดพืชเหล่านั้น มีคุณสมบัติช่วยบำรุงผิวพรรณให้ชุ่มชื้น



สำหรับผู้ที่มีผิวแห้ง

ซึ่งมักจะมีอาการผิวลอก จะสามารถฟื้นฟูสภาพผิวได้ดีในระยะเวลาไม่นาน

เมล็ดพืชที่ว่านี้ก็คือ เมล็ดละหุ่ง ถั่วอัลมอนด์ หรือเมล็ดโจโจบา

ซึ่งเรารู้จักกันในนามของ โจโจบา ออยล์ นั่นเอง

น้ำมันที่สกัดมาจากเมล็ดพืชเหล่านี้ มีคุณสมบัติให้ความชุ่มชื้น ทำให้ผิวคลายจากความแห้ง

หยาบกร้าน เมื่อใช้ไปนานๆ จะทำให้ผิวกายนุ่ม น่าสัมผัส

และไม่มีสารตกค้าง ที่จะทำให้เกิดอาการแพ้อีกด้วย



นอกจากน้ำมันจากเมล็ดพืชทางธรรมชาติ

ที่จะช่วยดูแลผิวกายภายนอกแล้ว ยังมีผลอะโวคาโดสุก

ที่เรามักจะนิยมนำมาขัด นวดผิว เพื่อรักษาความแห้งกร้านของผิวพรรณ

โดยอะโวคาโดสุกนี้ มีคุณสมบัติในการช่วยผลัดเซลล์ต่างๆ ที่ตายแล้วออกไป

แล้วเผยให้เห็นผิวกายใหม่ที่เนียน นุ่มน่าสัมผัสเป็นอย่างยิ่ง

(อ่านเพิ่มเติม: สูตรพอกผิว เพื่อบำรุงผิวสวย เนียนนุ่มขึ้น และกระจ่างใสขึ้น)


ไม่เพียงแต่การดูแลผิวจากภายนอก

โดยการใช้เมล็ดพืชต่างๆ มาผลิตเป็นน้ำมันบำรุงผิวแล้ว ยังมีวิธีการดูแลผิวกายจากภายในด้วย

โดยการนำมะนาวมาฝานบางๆ หรือจะบีบน้ำมะนาวใส่ในน้ำอุ่นจัดๆ แล้วดื่มเป็นประจำก่อนนอน

คุณสมบัติของน้ำมะนาวผสมน้ำอุ่นๆ จะช่วยกระตุ้นระบบขับถ่าย

และล้างพิษที่สะสมอยู่ในตับ ไต ไส้ พุง ให้หมดไปจากร่างกายของเราได้เป็นอย่างดี

ซึ่งเจ้าพิษที่สะสมอยู่นี้ มักส่งผลให้ร่างกายเจ็บป่วย จนส่งผลให้ใบหน้าหมองคล้ำ

ไม่สดใส และที่สำคัญ เป็นสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งได้อีกด้วย



การดูแลผิวกายจากภายใน

ด้วยวิธีดื่มน้ำมะนาวผสมน้ำอุ่น ซึ่งเป็นวิธีการดูแลผิวแบบเป็นธรรมชาติ

ถ้าใครทำได้อย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ ก็สามารถส่งผลให้มีผิวกายที่สดใส เปล่งปลั่ง ผิวพรรณมีน้ำ มีนวล

ตลอดไปค่ะ